วิธีปลูกองุ่นในกระถาง ฉบับมือใหม่หัดปลูก

วิธีปลูกองุ่นในกระถาง ฉบับมือใหม่หัดปลูก

       ทำไมถึงนิยมปลูกองุ่นในปัจจุบัน

      องุ่นเป็นผลไม้ยอดนิยมทั่วโลก ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย! ถ้าคุณกำลังคิดจะเริ่มปลูกองุ่นหน้าบ้าน ไม่ว่าจะ
ปลูกในกระถางในเข่ง หรือกลางแจ้ง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ผมจะพาคุณไปรู้จักเทคนิคง่าย ๆ สำหรับมือใหม่ ตั้งแต่การเลือกพันธุ์ การเตรียมดิน การดูแลให้ต้น
องุ่นออกผลไปจนถึงเคล็ดลับการป้องกันโรคและแมลง ครบทุกขั้นตอน

      องุ่นสามารถปลูกได้หลายแบบ แต่ที่นิยมคือ ปลูกองุ่นในกระถาง วิธีที่เหมาะสำหรับคนที่อยากปลูกองุ่นแต่มีพื้นที่น้อย อย่างระเบียงหรือสวนขนาดเล็ก

วิธีการปลูกองุ่นในกระถางมีดังนี้

วิธีการปลูกองุ่นในกระถางมีดังนี้

เลือกวิธีการปลูก: เพาะเมล็ดหรือปลูกจากตอป่า?

สิ่งแรกที่ต้องตัดสินใจก่อนเริ่มปลูกองุ่นคือการเลือกวิธีการปลูก โดยหลัก ๆ มี 2 วิธี

  • เพาะเมล็ด: การเริ่มต้นจากเมล็ดจะต้องใช้ความอดทนพอสมควรเลยครับ เนื่องจากองุ่นที่ปลูกจากเมล็ดอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะ
    เจริญเติบโตเต็มที่และเก็ลผลผลิตได้ ข้อดีของการเพาะเมล็ดคือสามารถปรับพันธุ์องุ่นได้ตามความต้องการ อย่างไรก็ตาม
    การปลูกจากเมล็ดอาจมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับพันธุ์ผลผลิต เนื่องจากอาจเกิดการกลายพันธุ์ทำให้ลักษณะผลต่างจากต้นแม่
  • ปลูกจากตอป่า (กราฟต์): เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับมือใหม่ ตอป่ามักถูกนำมาใช้เพื่อกราฟต์กับพันธุ์องุ่นดี
    เนื่องจากต้นมีความแข็งแรง ทนทานต่อโรค และเจริญเติบโตเร็ว และต้นองุ่นจะพร้อมให้ผลผลิตภายในระยะเวลาสั้นกว่าการเพาะเมล็ด

ปลูกองุ่นใช้ดินอะไรดี

ปลูกองุ่นใช้ดินอะไรดี

      องุ่นเป็นพืชที่ต้องการดินที่มีการระบายน้ำที่ดี การเตรียมดินเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการปลูก เพื่อให้รากองุ่นได้รับสารอาหาร
ที่เพียงพอ ควรเลือกดินที่มีลักษณะดังนี้:

  • ดินร่วนปนทราย: ดินประเภทนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปลูกองุ่น เพราะระบายน้ำได้ดีและไม่กักเก็บความชื้นเกินไป และควรเสริมด้วยปุ๋ยคอก
    หรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน
  • การตรวจวัดค่า pH ของดิน: องุ่นเติบโตได้ดีในดินที่มีค่า pH ประมาณ 5.5-6.5 หากดินมีความเป็นกรดเกินไป อาจต้องปรับปรุงด้วย
    การเติมปูนขาวเพิ่มครับ

การเพาะเมล็ดองุ่น

การเพาะเมล็ดองุ่น

1. นำเมล็ดองุ่นไปแช่น้ำ ถ้าจมน้ำแสดงว่าสามารถนำไปปลูกได้ จากนั้นนำเมล็ดองุ่นที่ได้ไปทำความสะอาด แล้วแช่น้ำกลั่นทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง
2. นำทิชชูชุบน้ำ มอสส์ หรือทราย ใส่รองก้นถุงสุญญากาศ แล้ววางเมล็ดองุ่นลงไป คลุมเมล็ดด้วยทิชชูชุบน้ำ ทราย หรือมอสส์ ทับด้านบนอีกชั้น
จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 2-3 เดือน 

3. นำเมล็ดที่แช่น้ำตามเวลาที่กำหนดแล้วมาปลูกในกระถาง โดยให้เมล็ดห่างกันประมาณ 3.8 เซนติเมตร
4. วางกระถางไว้ในที่ร่มในบ้าน รอจนต้นอ่อนงอกขึ้นมา (ประมาณ 2-8 สัปดาห์) และคอยดูแลไม่ให้ดินแห้งหรือเปียกจนเกินไป ใช้ขวดสเปรย์พ่นน้ำเบา ๆ
แทนการเทน้ำโดยตรง

วิธีย้ายต้นอ่อนองุ่นลงกระถางใหญ่

    เมื่อต้นอ่อนสูงประมาณ 8 เซนติเมตร ให้ย้ายลงกระถางใหญ่ และยังคงวางในที่ร่มจนลำต้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร หรือมีใบครบ 5-6 ใบ
จึงค่อยย้ายออกกลางแจ้ง

วิธีย้ายต้นอ่อนองุ่นลงกระถางใหญ่

ขั้นตอนการปลูกองุ่นในกระถาง

หลังจากเตรียมดินและเมล็ดเรียบร้อยแล้ว มาดูขั้นตอนการปลูกองุ่นอย่างถูกต้อง:

  • ระยะห่างในการปลูก: ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้น 1.5-3 เมตร เพื่อให้ต้นองุ่นได้รับแสงแดดและอากาศถ่ายเทได้ดี การจัดพื้นที่ให้
    เหมาะสมจะช่วยลดการแพร่กระจายของโรคและแมลงได้
  • การขุดหลุม: ขุดหลุมลึกและกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกลงไปที่ก้นหลุมแล้วเติมดินบางส่วนก่อนวางต้นกล้า
    ลงในหลุม จากนั้นเติมดินที่เหลือและอัดให้แน่น
  • การปลูกจากตอป่า (กราฟต์): เมื่อตอป่ากราฟต์กับต้นพันธุ์ที่ดี ควรปลูกโดยให้ส่วนกราฟต์อยู่เหนือพื้นดินประมาณ 10 เซนติเมตร
    เพื่อป้องกันการเน่าและโรค

เคล็ดลับ : ควรอยู่องุ่นในบริเวณที่มีแสงแดด 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ช่วยให้ต้นองุ่นเจริญเติบโตได้ดีขึ้น อีกเรื่องที่สำคัญคือองุ่นเป็นพืชเถา
ต้องมีค้างให้กิ่งเลื้อยเกาะ ให้ใช้ไม้หรือลวดขึงตาราง และเลือกใช้ตาข่ายที่มีช่องกว้างพอ ที่พวงองุ่นจะรอดออกมาได้ และต้องจัดกิ่งให้เป็น
ระเบียบโดยการใช้เทปรัดกิ่งพันยึดไว้เพื่อบังคับกิ่งให้ไปในทิศทางที่เราต้องการ

วิธีการลดน้ำองุ่น

วิธีการลดน้ำองุ่น

แม้องุ่นจะไม่ต้องการน้ำมาก แต่ก็ต้องการการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งหรือช่วงที่เริ่มปลูกใหม่ ๆ เพื่อให้รากตั้งตัวได้ดี

  • การให้น้ำในระยะแรก: ควรให้น้ำทุกวันในช่วงแรก ๆ เพื่อให้ดินรอบรากชุ่มชื้น แต่ต้องไม่แฉะเกินไป เพราะองุ่นไม่ชอบดินที่มีน้ำขัง
  • การลดการให้น้ำ: เมื่อองุ่นเริ่มตั้งตัวและเจริญเติบโตเต็มที่ ควรลดการให้น้ำลง โดยให้น้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและชนิดของดิน

วิธีการใส่ปุ่ยองุ่น

  • ช่วงต้น: ใช้ปุ๋ยไนโตรเจนสูงในช่วงแรกเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของใบและลำต้น
  • ช่วงออกดอกและติดผล: ใช้ปุ๋ยสูตรสมดุลที่มีทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (เช่น 15-15-15) เพื่อช่วยส่งเสริมการออกดอกและติดผล
    อาจเสริมด้วยปุ๋ยโพแทสเซียมสูงเพื่อเพิ่มความหวานในผลองุ่น

วิธีการดูแลองุ่น และวิธีการตัดแต่งกิ่งองุ่น

วิธีการดูแลองุ่น และวิธีการตัดแต่งกิ่งองุ่น

องุ่นต้องการการตัดแต่งกิ่งเป็นประจำเพื่อควบคุมรูปทรงของต้นและช่วยให้ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ:

  • การตัดแต่งกิ่งในช่วงฤดูหนาว: การตัดแต่งในช่วงที่ต้นองุ่นพักตัวจะช่วยกระตุ้นให้ต้นแตกกิ่งใหม่และเจริญเติบโตดีในฤดูถัดไป
  • การตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์: ควรตัดกิ่งที่มีอาการโรคหรือลักษณะที่ไม่สมบูรณ์ออก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังส่วนอื่น ๆ ของต้น

การป้องกันโรคและแมลง

การป้องกันโรคและแมลง

องุ่นเป็นพืชที่เสี่ยงต่อโรคและแมลงต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างและแมลงที่เข้าทำลายใบ ปัญหาแมลงส่วนมากก็จะเป็นพวกเพลี้ยซึ่งมัก
จะระบาดในช่วงหน้าร้อน แต่ถ้าเห็นว่ามีมดก็ให้ระวังว่าจะมีเพลี้ยตามมา

  • การสังเกตอาการโรค: ควรสังเกตอาการโรคและแมลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีรอยด่างหรือใบเหลือง ควรใช้สารป้องกันเชื้อราหรือ
    ยาฆ่าแมลงทันที
  • การปลูกพืชป้องกัน: คุณสามารถปลูกพืชบางชนิดเช่นกระเทียมหรือหอมใหญ่ใกล้กับองุ่น เพื่อช่วยไล่แมลงและป้องกันโรคบางชนิดได้

ข้อดีของการปลูกองุ่นในกระถาง

      ข้อดีของการปลูกองุ่นแบบนี้มีหลายอย่าง เช่น ประหยัดพื้นที่ เพราะสามารถวางได้ทุกที่ เคลื่อนย้ายง่าย ควบคุมคุณภาพของดินได้ดี
ทำให้ต้นองุ่นเติบโตได้ดี  อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการติดโรคและป้องกันแมลงได้ง่าย รวมถึงการดูแลรดน้ำและใส่ปุ๋ยก็ทำได้ง่ายเช่นกัน
เลยเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นปลูก

ปลูกองุ่นกี่ปีออกผล

ปลูกองุ่นกี่ปีออกผล

โดยทั่วไปแล้ว องุ่นใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีนับจากเริ่มปลูก จึงจะเริ่มให้ผลผลิตได้ โดยองุ่นจะมีการออกดอกและติดผลครั้งแรกในปีที่ 2 หรือ 3
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ขององุ่นและวิธีการดูแลรักษาด้วยครับ

ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวองุ่น

1. ตรวจสอบความสุกของผล: สีของผลองุ่นจะเข้มเต็มที่และสม่ำเสมอ ไม่มีสีเขียวปน หากลองชิมแล้วรสชาติหวาน มีน้ำตาลพอเหมาะ และกลิ่นหอม
แสดงว่าผลพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวแล้ว
2. เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บ: ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าหรือเย็น ซึ่งอากาศไม่ร้อน เพื่อให้ผลองุ่นคงความสด ลดการคายน้ำ และรักษาคุณภาพของผล
3. ใช้เครื่องมือสะอาดในการเก็บ: ใช้กรรไกรหรือมีดที่สะอาดและคม ตัดผลองุ่นออกจากก้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการช้ำและป้องกันการติดเชื้อจากบาดแผลที่เกิดจากการเก็บ
4. จัดเก็บผลองุ่นอย่างระมัดระวัง: หลังตัดเสร็จ ให้วางผลองุ่นในภาชนะที่โปร่ง เช่น ตะกร้า เพื่อให้มีอากาศไหลผ่าน และลดการช้ำของผลจากการวางซ้อนกัน
5. แช่เย็นเพื่อรักษาคุณภาพ: หากยังไม่บริโภคทันที ควรเก็บผลองุ่นในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 0-4 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาความสดและรสชาติได้นานยิ่งขึ้น

ปลูกองุ่นกลางแจ้ง vs ปลูกองุ่นในโรงเรือน ข้อดีและข้อเสียที่คุณควรรู้

ปลูกองุ่นกลางแจ้ง vs ปลูกองุ่นในโรงเรือน: ข้อดีและข้อเสียที่คุณควรรู้

การปลูกองุ่นในกระถางสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการปลูกแบบกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ หรือที่เรียกกันว่าแดดร้อยฝนร้อย
หรืออีกวิธีที่นิยมอย่างแผร่หลายคือการปลูกองุ่นในโรงเรือน เนื่องจากสามารถควบคุณภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเจริญเติบโตได้ดีและยัง
ควบคุมคถณภาพผลผลิตได้อีกด้วย เรามาดูข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีกันดีกว่าครับ

    การปลูกองุ่นกลางแจ้ง ข้อดี

1. ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า ไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างโรงเรือน ทำให้มีต้นทุนเริ่มต้นที่ถูกกว่า
2. การเติบโตแบบธรรมชาติ องุ่นจะได้รับแสงแดดเต็มที่และสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการเติบโตที่ดีของต้นองุ่น

    การปลูกองุ่นกลางแจ้ง ข้อเสีย

1.การปลูกกลางแจ้งเสี่ยงต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝนตกหนักหรือแดดจัด ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตเสียหายได้
2. มีโอกาสที่ต้นองุ่นจะเจอกับแมลงศัตรูพืชและเชื้อโรคสูง เนื่องจากไม่มีการป้องกันจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
3. คุณภาพและปริมาณของผลผลิตอาจไม่สม่ำเสมอ เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมเป็นหลัก

การปลูกองุ่นในโรงเรือน

    ปลูกองุ่นในเรือน ข้อดี

1. ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดี โรงเรือนจะช่วยควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสง ทำให้ต้นองุ่นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต
2. โรงเรือนช่วยลดโอกาสที่ต้นองุ่นจะติดเชื้อโรคและแมลง ทำให้ลดการใช้สารเคมีลงได้
3. เพิ่มคุณภาพผลผลิต การควบคุมสภาพแวดล้อมช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น ทั้งขนาด สี และรสชาติ
4. ช่วยประหยัดน้ำได้ สามารถใช้ระบบให้น้ำที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบน้ำหยด ช่วยให้ใช้น้ำน้อยลงและลดต้นทุนการดูแลได้
5. ปลูกได้ทั้งปี เนื่องจากควบคุมสภาพแวดล้อมได้ การปลูกในโรงเรือนสามารถปลูกองุ่นได้ทุกฤดูกาล ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ปลูกองุ่นในเรือนข้อดี ข้อเสีย

ปลูกองุ่นในเรือนข้อดี ข้อเสีย

1. ต้นทุนสูง การสร้างและดูแลโรงเรือนมีค่าใช้จ่ายสูง จึงต้องการการลงทุนเบื้องต้นและค่าใช้จ่ายการดูแลต่อเนื่องมากกว่าการปลูกกลางแจ้ง
2. การจัดการที่ซับซ้อน ต้องการความรู้และทักษะในการจัดการโรงเรือน เช่น การควบคุมความชื้นและการให้น้ำที่เหมาะสม
3. พื้นที่จำกัด โรงเรือนอาจมีพื้นที่จำกัด ทำให้ปลูกองุ่นได้จำนวนจำกัด จึงไม่เหมาะสำหรับการปลูกในปริมาณมาก

    การเลือกวิธีปลูกองุ่นขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการด้านคุณภาพและปริมาณผลผลิต การปลูกในโรงเรือนเหมาะสำหรับผู้ที่เน้น
คุณภาพและการควบคุมผลผลิต ในขณะที่การปลูกกลางแจ้งเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการวิธีที่ดูแลง่ายกว่าครับ

      พลาสติกโรงเรือนที่เหมาะสมกับการการปลูกองุ่นคือ พลาสติกโรงเรือนแบบใส หรือ สูตรมาตรฐาน VSC ความหนา 150 ไมครอน
เพื่อให้แสงส่องผ่านได้ดีและรักษาอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงช่วยป้องกันฝนทำให้ไม่เป็นโรคได้ง่าย
จึงช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการเจริญเติบโตขององุ่น แต่ถ้าภายในโรงเรือนมีความร้อนสะสมที่สูงจนเป็นผลเสียต่อองุ่น สามารถเลือกใช้
พลาสติกโรงเรือนลดความร้อน กระจายแสง
VSC เนื่องจากพลาสติกชนิดนี้สามารถช่วยลดความร้อนในโรงเรือนได้ 2-5 องศาแล้ว
ยังช่วยกระจายแสงให้องุ่นเติบโตได้ดีทั่วเท่ากันทั้งโรงเรือนอีกด้วยครับ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่..

สรุป

      การปลูกองุ่นสำหรับมือใหม่ไม่ใช่เรื่องยากหากเข้าใจขั้นตอนและการดูแลที่เหมาะสม ตั้งแต่การเลือกวิธีการปลูก การเตรียมดิน
การให้น้ำ การใส่ปุ๋ย ไปจนถึงการดูแลรักษาและป้องกันโรค เมื่อคุณสามารถจัดการกับขั้นตอนเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง การปลูกองุ่น
จะกลายเป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุกและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ